27.12.51

>>>สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดขอนแก่น<<<

พิธภัณฑสถานแห่งชาติขอนแก่น

เป็นที่เก็บรวบรวมและจัดแสดงโบราณวัตถุและศิลปวัตถุอันมีค่า ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ จนถึงมัยประวัติศาสตร์ มีการจัดแสดงโครงกระดูกมนุษย์ยุคหินใหม่ที่บ้านเชียงและเครื่องมือ เครื่องใช้ของผู้คนในยุคนั้น สิ่งที่ควรชมสำหรับพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ คือใบเสมาหินทรายขนาดใหญ่ เป็นงานพุทธศิลป์สมัยทวารวดีจำหลักภาพพุทธประวัติที่งดงามและสมบูรณ์มาก พบที่เมืองฟ้า แดดสูงยาง จังหวัดกาฬสินธุ์ นอกจากนั้นยังมีศิลปวัตถุสมัยขอมหรือลพบุรีอันได้แก่ ทับหลังจาก ปราสาทหิน ในภาคอีสาน นอกเหนือจากโบราณวัตถุที่พบในท้องถิ่นแล้ว ที่นี่ยังจัดแสดงศิลปวัตถุ สมัยอื่นไว้ด้วย เช่น สุโขทัยอยุธยา เป็นต้น และส่วนหนึ่งก็จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้พื้นบ้าน ไว้ด้วย ผู้ที่สนใจศึกษาด้านประวัติศาสตร์โบราณคดี และชีวิตความเป็นอยู่ของคนอีสานไม่ควรพลาด ชมที่นี่ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ถนน หลังศูนย์ราชการ เปิดให้เข้าชมทุกวัน เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. อัตราค่าเข้า ชมชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาท รายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ โทร. (043) 246170
บึงแก่นนคร

ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลกลางเมืองขอนแก่น เป็นบึงขนาดใหญ่ มีเนื้อที่ 603 ไร่ นอกจากจะเป็นที่ ประดิษฐานอนุสาวรีย์ "เจ้าเพียเมืองแพน" ผู้ก่อตั้งเมืองขอนแก่นแล้ว ที่นี่ยังเป็นสถานที่ที่นิยม มาพักผ่อนหย่อนใจ และทำกิจกรรมนันทนาการของชาวเมืองเพราะมีบรรยากาศสบายๆ พื้นที่ โดยรอบมีการปรับ ปรุงตกแต่งให้เป็นสวนสุขภาพ ประดับประดาด้วยประติมากรรมรูปต่างๆ ดูเพลินตาเพลินใจ ยิ่งไปกว่านั้น ทางเทศบาลยังปลูกต้นคูณ และไม้ดัดไว้โดยรอบเพิ่มความร่มรื่น สวยงามให้กับสถานที่ยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยัง มีสนามเด็กเล่นและร้านอาหารเปิดบริการหลายประเภท เหมาะมากสำหรับการพาครอบครัวไปเปลี่ยน บรรายกาศ
มหาวิทยาลัยขอนแก่น

เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2507 บนพื้นที่ประมาณกว่า 5,000 ไร่ บริเวณ "มอดินแดง" เมื่อการ ก่อสร้างแล้วเสร็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จฯ ทรงกระทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2510 มหาวิทยาลัยแห่งนี้อยู่ห่างจากตัวเมือง 4 กิโลเมตร มีทางเข้าสองทางคือ ด้านถนน มิตรภาพ (สายขอนแก่น-อุดรธานี) และด้านถนนประชาสโมสร (สายขอนแก่น - เลย) สิ่งที่น่าสนใจสำหรับนัก ท่องเที่ยวคือ "บึงสีฐาน" ซึ่งมีนกเป็ดน้ำอพยพมาอาศัยอยู่ในช่วงฤดูหนาว
กู่แก้ว

หรือ กู่บ้านนาคำน้อย สันนิษฐานว่าเป็นอโรคยาศาลสร้างในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรขอมโบราณ ราวพุทธศตวรรษที่ 18 (พ.ศ. 1720 - 1760) บรรยากาศโดยรอบบริเวณ ดูรก ครึ้มโบราณ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2478 กู่ประภาชัย ตั้ง อยู่ที่บ้านนาคำน้อย ตำบลบัวใหญ่ ไปตามเส้นทางเดียวกับพระธาตุขามแก่น หลังจากนั้นตรงต่อไปจนถึง คลองชลประทานแล้วเลี้ยวซ้ายตามถนนเลียบคลองฯ ระหว่างกม.ที่26 - 27 มีทางแยกขวาข้ามคลองส่งน้ำ เข้าบ้านนาคำน้อยอีก 500 เมตร ก็จะถึง
หมู่บ้านงูจงอาง

บ้านโคกสง่า ต.ทรายมูล ชาวบ้านโคกสง่าแต่เดิมมีอาชีพขายยาสมุนไพรควบคู่กับ การทำนามาแต่ รุ่นปู่ย่าตายาย การขายยาสมุนไพรในสมัยก่อนต้องเดินเท้าไปเร่ขายยาตามหมู่บ้านต่างๆ ด้วยความยากลำบาก แต่เมื่อปีพ.ศ. 2494 พ่อใหญ่เคน ยงลา หมอยาบ้านโคกสง่าจึงได้คิดหางูเห่า มาแสดง เพื่อเป็นการดึงดูดคนมาดู แทนที่จะต้องเดินไปขายยาในทุกๆหมู่บ้านเช่นเคย ปรากฏว่า การแสดงประสบความสำเร็จสามารถเรียกคนมาดูได้มากพอสมควร แต่เนื่องจากงูเห่านั้นมีอันตราย มากสามารถพ่นพิษได้ไกลถึง 2 เมตรพ่อใหญ่จึงเปลี่ยนมาใช้งูจงอางแสดงแทนและถ่ายทอดวิชา แสดงงูให้คนในหมู่บ้าน เมื่อว่าง เว้นจากการเกษตรชาวบ้านจะรวมกลุ่มเดินทาง ออกเร่แสดงงู เพื่อขายยาสมุนไพร ส่วนการแสดงที่หมู่บ้าน นั้นจะจัดขึ้นบริเวณลานวัดศรีธรรมา และรอบๆบริเวณ ก็จะมีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับงูจงอาง รวมทั้งมี โรงเรือนเพาะเลี้ยงงูจงอางอยู่ด้วย ปัจจุบันการแสดงงูจงอางบ้านโคกสง่าเป็นที่รู้จักกันแพร่หลายมาก ชาวบ้านเกือบทุกหลังคาเรือน จะเลี้ยงงูจงอางไว้ใต้ถุนบ้าน มีการจัดแสดงหลายรูปแบบเพื่อดึงดูดให้คนสนใจยิ่งขึ้น เช่นการแสดง ละครงูตาม จังหวะเพลง การชกมวยระหว่างคนกับงูจงอางจนชาวบ้านที่มีชื่อเสียงทางการแสดงงู มีฉายาประจำ เช่น กระหร่องน้อย เมืองอีสาน, ทองคำ ลูกทองชัย ฯลฯ บ้านโคกสง่าอยู่ห่างจากตัวจังหวัดเป็นระยะทาง 49 กิโลเมตร เดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) ถึงหลักกิโลเมตรที่ 33 เลี้ยวขวาเข้าเส้นทางไปอำเภอกระนวน ตามทางหลวง หมายเลข 2039 ถึงหลักกิโลเมตรที่ 14 เมื่อสังเกตเห็นป้อมยามตำรวจพังทุยทางด้านซ้าย ให้เลี้ยวขวา ไปตามถนน ลูกรังผ่านบ้านนางาม วัดสระแก้ว เมื่อถึงสี่แยกที่อ่านหนังสือประจำหมู่บ้านแล้วเลี้ยวซ้าย ไปประมาณ 600 เมตร จะถึงประตูทางเข้าหมู่บ้าน

1 ความคิดเห็น: